รูปภาพจาก Thalassemia: An Informative Guide | Narayana Health
รู้จักกับโรคธาลัสซีเมียให้มากขึ้น
จากตอนที่ 1 ผู้อ่านได้เข้าใจสาเหตุและชนิดของโรคธาลัสซีเมียพอสังเขป พร้อมกับเทคนิคการตรวจวิเคราะห์ MassArray แล้ว สำหรับตอนที่สองนี้จะเจาะลึกโรคนี้กันมากขึ้นอีกนิด พร้อมกับอีกเทคโนโลยีการตรวจธาลัสซีเมีย
รูปภาพจาก โรคธาลัสซีเมีย (3billion.io)
ฮีโมโกลบินที่พบในปริมาณประมาณ 98% หรือฮีโมโกลบิน Hb A เป็นฮีโมโกลบินหลักที่ประกอบด้วยหน่วยย่อยแอลฟาและเบต้าอย่างละสองหน่วย ซึ่งถูกสร้างจากยีนบนโครโมโซมที่ 16 และ 11 ตามลำดับ
ความชุกของโรคธาลัสซีเมีย
รูปภาพจาก โรคธาลัสซีเมีย (3billion.io)
ธาลัสซีเมียในผู้ใหญ่ จะแบ่งออกเป็นสองรูปหากยึดจากการกลายพันธ์ุของยีนบนโครโมโซม นั่นคือชนิดแอลฟา (α) และ เบต้า (β) โดยพบว่า
- ชนิดแอลฟา พบได้บ่อยในประชากรอาเซียน และแอฟริกาใต้
- ชนิดเบต้า พบได้บ่อยในประชากรเชื้อสายเมดิเตอร์เรเนียน และเอเชียใต้
ธาลัสซีเมียชนิดแอลฟา
รูปภาพจาก โรคธาลัสซีเมีย (3billion.io)
รูปภาพแสดงความรุนแรงของธาลัสซีเมียชนิดแอลฟา ความรุนแรงขึ้นอยู่กับจำนวนยีนที่กลายพันธุ์ (เส้นประ) โดย
Carrier คือ พาหะโรคธาลัสซีเมีย ไม่มีอาการใดๆเกิดขึ้นหากมีสุขภาพดี แต่สามารถถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลานได้
Alpha thalassemia minor คือ ภาวะธาลัสซีเมียแฝง อาจพบภาวะโลหิตจางเล็กน้อย
Hb H เกิดจากการกลายพันธุ์ถึงสามยีน ทำให้เกิดการขาดแคลนหน่วยแอลฟาอย่างรุนแรง เป็นภาวะโลหิตจางเรื้อรัง และส่งผลต่อกระดูก ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องถ่ายเลือดสม่ำเสมอตลอดชีวิต
Alpha thalassemia major หรือการที่ไม่สามารถผลิตหน่วยแอลฟาได้เลย หากเกิดกับเด็กในครรภ์ถ้าไม่แท้งก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
โรคธาลัสซีเมียชนิดแอลฟา ในประชากรไทยและอาเซียน
ความผิดอันเกิดจากยีนแอลฟาโกลบิน ส่วนใหญ่พบว่ามักเกิดจากการขาดหายของแอลฟาโกลบินยีน ซึ่งการขาดหายไปของตำแหน่งเดียวส่งผลให้การสร้างหน่วยแอลฟาได้น้อยกว่าปกติ เรียกว่า แอลฟาธาลัสซีเมีย 2 หากเกิดการขาดหายสองตำแหน่งบนโครโมโซมเดียวกัน จะเรียกว่า แอลฟาธาลัสซีเมีย 1
ในประเทศไทยอุบัติการแอลฟาธาลัสซีเมีย 1 ที่พบบ่อยคือชนิด SEA deletion ซึ่งมีการขาดหายของ DNA มากกว่า 17.5 kb ส่วนการขาดหายของ DNA ชนิด Thai deletion พบได้น้อยกว่า
เทคโนโลยีหนึ่งที่สามารถตรวจยืนยันภาวะแอลฟาธาลัสซีเมีย 1 คือ Kompettitive Allele Specific PCR (KASP™) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Genotyping อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท LGC จากสหราชอาณาจักร เป็นนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตรวจวิเคราะห์ DNA Marker ชนิด Single Nucleotide Polymorphism (SNPs) และ Insertion - Deletion (InDel) โดยอาศัยเทคนิค Fluorescence Based Genotyping
เทคโนโลยี KASP™ Genotyping ประกอบด้วยสามองค์ประกอบ ได้แก่
DNA ตัวอย่าง, KASP™ Assay Mix ที่มีไพร์เมอร์ของตำแหน่งที่สนใจ และ KASP™ Master Mix
ความพิเศษของ KASP™ อยู่ที่การออกแบบไพร์เมอร์ให้มีความจำเพาะต่อ SNPs, InDel หรือตำแหน่งที่กลายพันธุ์ ขั้นตอนการวิเคราะห์จะประกอบด้วย
- การสกัดสารพันธุกรรม
- การทำ PCR
- การวิเคราะห์ผลด้วย Endpoint Genotyping ด้วยเครื่อง Plate Reader หรือ Real-time PCR ที่มีโปรแกรมสนับสนุนการวิเคราะห์ Endpoint Genotyping
ในปัจจุบันการตรวจ Allele Specific PCR นั้นได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างมากในการทำ Genotyping เช่นการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็ง หรือการนำมาใช้ทางด้านเภสัชจลนศาสตร์ เพื่อดูการตอบสนองต่อยาในคนไข้แต่ละคน
จุดเด่นของเทคโนโลยี KASP™
- KASP™ ใช้ระบบการรายงานผลแบบสากล ไม่ซับซ้อน
- ใช้ปริมาณ DNA เพียงแค่ 10 นาโนกรัมต่อ SNP
- ปริมาณสารเคมีชนิดต่างๆ ใช้ในปริมานน้อย ประหยัดค่าใช้จ่าย
- ใช้การติดฉลากสี FAM™ และ HEX™ เพื่อการทำ Cluster Analysis