รูปภาพจาก Thalassemia: Symptoms, causes, diagnosis and treatments (msn.com)
รู้จักกับโรคโลหิตจางชนิดธาลัสซีเมีย
โรคโลหิตจางชนิดธาลัสซีเมียหรือโรคธาลัสซีเมีย เป็นโรคโลหิตจางชนิดหนึ่งที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมซึ่งถ่ายทอดโดยยีนด้อย ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงที่มีคุณลักษณะที่ผิดปกติ จึงส่งผลให้เกิดการเสื่อมสภาพหรือการแตกสลายเร็วของเม็ดเลือดแดงกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งในประเทศไทย พบว่ามีประชากรมากถึง 40% มีพันธุกรรมของโรคนี้แฝงอยู่โดยไม่มีอาการ แต่จะเป็นพาหะถ่ายทอดทางพันธุกรรมของโรคธาลัสซีเมียต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ในเม็ดเลือดแดงจะมีฮีโมโกลบินซึ่งเป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยธาตุเหล็กเป็นแกนกลาง จะบ่งบอกถึงความสามารถในการเป็นพาหนะของออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงอวัยวะและเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกาย โดยฮีโมโกลบินที่สมบูรณ์จะประกอบด้วย 4 หน่วยย่อย อันได้แก่ฮีโมโกลบินหน่วยแอลฟา ซึ่งถูกสร้างจากยีนบนโครโมโซมที่ 16 จำนวนสองหน่วย และฮีโมโกลบินหน่วยเบต้า ซึ่งถูกสร้างจากยีนบนโครโมโซมที่ 11 จำนวนอีกสองหน่วย ดังรูปด้านล่าง
ฮีโมโกลบินปกติสามารถแบ่งได้เป็นสามรูปแบบ ได้แก่
- ฮีโมโกลบิน A1 (Hb A) เป็นฮีโมโกลบินหลักที่ประกอบด้วยชนิดแอลฟา (α) และเบต้า (β) อย่างละสองหน่วย คิดเป็นประมาณ 98% ของฮีโมโกลบินที่พบในผู้ใหญ่
- ฮีโมโกลบิน A2 (Hb A2) เป็นฮีโมโกลบินที่พบได้ประมาณ 2% ในคนปกติ จะประกอบด้วยชนิดแอลฟา (α) และเดลตา (δ) อย่างละสองหน่วย (เดลตา ถูกสร้างจากยีนโครโมโซมที่ 11 เช่นเดียวกับเบต้า)
- ฮีโมโกลบิน F (Hb F) เป็นฮีโมโกลบินที่พบในทารกขณะตั้งครรภ์ จะประกอบด้วยชนิดแอลฟา (α) และแกมมา(γ) อย่างละสองหน่วย หลังจากคลอดประมาณครึ่งปีถึงสองปี จะค่อยๆลดระดับปริมาณลง
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในยีนที่สร้างโปรตีนโกลบิน จะทำให้ฮีโมโกลบินเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เช่นฮีโมโกลบิน S ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เม็ดเลือดแดงมีลักษณะเป็นรูปเคียว ในกรณีของธาลัสซีเมีย จะเกิดจากความผิดปกติของสมดุลการผลิตหรือการจับคู่ของหน่วยแอลฟาและหน่วยอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น
- การไม่ผลิตหน่วยแอลฟาในทารกระยะ Fetus (ครรภ์ประมาณสิบสัปดาห์เป็นต้นไป) ทำให้เกิดการจับกันของหน่วยแกมมาทั้งหมด (Hb Bart) โดยจะทำให้ฮีโมโกลบินจับออกซิเจนดีมาก จนไม่ยอมปล่อยให้กับอวัยวะและเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกาย เกิดภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนหรือไฮโปเซีย ทำให้เกิดการหลั่งสารไซโตไคน์ เพื่อกระตุ้นให้รกมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรับออกซิเจนจากมารดามากขึ้น ส่วนทารกเองจะถูกกระตุ้นให้มีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น จึงเป็นผลให้ทารกมีภาวะหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตในครรภ์ อย่างไรก็ตามหากยีนที่ผลิตหน่วยของแอลฟาขาดหายไป ก็มีแนวโน้มที่ทำให้เกิดภาวะ Hb H หลังคลอด
- กรณีผู้ใหญ่ ที่ขาดหน่วยแอลฟา อาจเกิดภาวะการจับกันของหน่วยเบต้าทั้งหมด (Hb H) แม้ว่าหน่วยเบต้าทั้งสี่จะปกติ แต่การรวมตัวกันโดยขาดหน่วยแอลฟา ทำให้ลดการปล่อยออกซิเจนให้กับอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ (เช่นเดียวกับ Hb Bart) นอกจากนี้ความอันตรายของมันจะเกิดขึ้นเมื่อเม็ดเลือดแดงแก่ตัวและจะต้องถูกทำลาย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและตกตะกอน จนอาจทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกนอกหลอดเลือดด้วยกลไกของแมคโครฟาจก์ หรือการเกิด Hemolytic Crisis ซึ่งนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง
ในปัจจุบันได้มีวิธีในการตรวจธาลัสซีเมียหลายเทคนิค แต่เทคนิคการตรวจสารพันธุกรรมหรือ DNA แม้ว่าจะสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่ามีความเสี่ยงเป็นธาลัสซีเมียชนิดใด หรือแม้กระทั่งการทำนายความรุนแรงของโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างนาน ส่วนใหญ่จึงใช้การดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด และการทำ Hb Typing ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องการระบุชนิดของทาลัสซีเมีย
รู้จักกับเทคนิค MassArray
เทคนิค MassArray เป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับการตรวจสารพันธุกรรมชนิด DNA และ RNA ด้วยวิธีที่เรียกว่า Multiplexing PCR (รูปด้านบนขวา) หรือการใช้ไพร์เมอร์มากกว่าหนึ่งคู่ในการทำ PCR ครั้งเดียว ซึ่งจะช่วยทุ่นเวลาและค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์ ร่วมกับการใช้เทคนิค MALDI-ToF แมสสเปคโตรมิเตอร์ (รูปด้านบนซ้าย) เพื่อทำการวัดน้ำหนักมวลของสารพันธุกรรม ซึ่งประกอบด้วย เบสพื้นฐาน 4 ชนิด อันได้แก่ A, G, C, T ซึ่งมีโครงสร้างทางเคมีที่ต่างกัน จึงมีน้ำหนักมวลที่แตกต่างกันด้วย และด้วยหลักการนี้ การศึกษาตำแหน่ง Single Nucleotide Polymorphism (SNP) หรือ ตำแหน่ง Variant จะแสดงให้เห็นความแตกต่างของมวลสายโพลีนิวคลีโอไทด์ที่มีลำดับเบสที่แตกต่างกันได้
และด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้ ทำให้ MassArray ถูกนำมาใช้ในวงการวิจัยและวงการแพทย์ทั่วโลก นำมาใช้ในการตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรม นอกจากนี้ยังใช้ปริมาณตัวอย่างที่น้อย ระยะเวลาที่วิเคราะห์และแปลผลสั้น โดยปัจจุบันในการตรวจธาลัสซีเมีย มีการตรวจได้ถึง 65 Mutation ดังนี้
Mutation |
HGVS nomenclature |
|
เบต้า |
-87 C>A |
HBB:c.-137C>A |
-86 C>G |
HBB:c.-136C>G |
|
-50 G>A |
HBB:c.-100G>A |
|
-31 A>G |
HBB:c.-81A>G |
|
-30 T>A |
HBB:c.-80T>A |
|
-30 T>C |
HBB:c.-80T>C |
|
-29 A>G |
HBB:c.-79A>G |
|
-28 A>G |
HBB:c.-78A>G |
|
Hb C |
HBB:c.19G>A |
|
Hb S |
HBB:c.20A>T |
|
codon 8/9 +G |
HBB:c.27_28insG |
|
codon 15 -T |
HBB:c.46delT |
|
codon 17 A>T |
HBB:c.52A>T |
|
Hb Malay |
HBB:c.59A>G |
|
codon 26 G>T |
HBB:c.79G>T |
|
Hb E |
HBB:c.79G>A |
|
codon 27/28 +C |
HBB:c.84_85insC |
|
Hb Monroe |
HBB:c.92G>C |
|
IVSI-1 G>A |
HBB:c.92+1G>A |
|
IVSI-1 G>T |
HBB:c.92+1G>T |
|
IVSI-5 G>C |
HBB:c.92+5G>C |
|
codon 35 -C |
HBB:c.110delC |
|
codon 35 C>A |
HBB:c.110C>A |
|
codon 39 C>T |
HBB:c.118C>T |
|
codon 41 -C |
HBB:c.126delC |
|
codon 41/42 -TTCT |
HBB:c.126_129delCTTT |
|
codon 43 G>T |
HBB:c.130G>T |
|
Hb J Bangkok |
HBB:c.170G>A |
|
codon 57/58 +C |
HBB:c.174_175insC |
|
codon 71/72 +A |
HBB:c.216_217insA |
|
codon 71/72 +T |
HBB:c.216_217insT |
|
Hb G Accra |
HBB:c.220G>A |
|
Hb Pyrgos |
HBB:c.251G>A |
|
codon 95 +A |
HBB:c.287_288insA |
|
IVSII-654 C>T |
HBB:c.316-197C>T |
|
Hb New York |
HBB:c.341T>A |
|
Hb D Los Angelis |
HBB:c.364G>C |
|
Hb O Arab |
HBB:c.364G>A |
|
Hb Khon Kaen |
HBB:c.370_378delACCCCACCA |
|
Hb Khartoum |
HBB:c.374C>G |
|
Hb Dhonburi |
HBB:c.380T>G |
|
Hb Cook |
HBB:c.398A>C |
|
Hb Hope |
HBB:c.410G>A |
|
Hb Tak |
HBB:c.441_442insAC |
|
105 bp deletion |
HBB:c.-74_31del |
|
Asian Indian (619 bp deletion) |
NG_000007.3:g.71609_72227del619 |
|
Thai (3485 bp deletion) |
|
|
แอลฟา 1 |
Hb Hekinan |
HBA1:c.84G>T |
Hb Prato |
HBA1:c.96G>T |
|
Hb J Buda |
HBA1:c.186G>T |
|
Hb Q Thailand |
HBA1:c.223G>C |
|
Hb Vientiane |
HBA1:c.274C>T |
|
Hb Port Phillip |
HBA1:c.275T>C |
|
Hb Phnompehn |
HBA1:c.351_352insATC |
|
Hb Owari |
HBA2:c.364G>A |
|
Hb Beijing |
HBA2:c.51G>T |
|
Hb I |
HBA2:c.49A>G |
|
Hb G Georgia |
HBA2:c.287C>T |
|
Hb Westmead |
HBA2:c.369C>G |
|
แอลฟา 2 |
initiation codon -T |
HBA2:c.2delT |
codon 30 -GAG |
HBA2:c.91_93delGAG |
|
codon 59 G>A |
HBA2:c.179G>A |
|
Hb Quong Sze |
HBA2:c.377T>C |
|
Hb Constant Spring |
HBA2:c.427T>C |
|
Hb Paksé |
HBA2:c.429A>T |
รูปแสดงการแปลผลการตรวจเบต้าธาลัสซีเมีย ในตำแหน่ง HBB:c.92+1G>C ใช้สำหรับการแปลผล IVSI-1 G>C
แล้วพบกันใหม่ในตอนที่ 2 นะครับ