น้ำมันมะกอก (Olive oil) เป็นน้ำมันธรรมชาติที่ได้จากการสกัดผลมะกอกทั้งลูก สารสำคัญที่พบในน้ำมันมะกอกได้แก่ กรดไขมันต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat) กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) ที่ช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกายลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจากระดับไขมันในเลือดสูงอย่างโรคหัวใจด้วย สารไลโคปีน (Lycopene) ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการเกิดสารออกซิเดชันทำให้มีสุขภาพผิวที่ดี และน้ำมันมะกอกยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูก บรรเทาอาการอักเสบหรือติดเชื้อต่างๆ ลดความเครียด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ตลอดจนช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงขึ้น ด้วยคุณประโยชน์มากมายที่พบในน้ำมันมะกอกทำให้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นหนึ่งในน้ำมันสำหรับบริโภคที่มีราคาแพงที่สุดในตลาด
น้ำมันมะกอกน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ออกเป็น 3 เกรด คือ ชนิดบริสุทธิ์พิเศษ
- Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกที่ได้มาจากการสกัดจากผลมะกอกสดๆ คุณภาพดีที่สุด เหมาะสำหรับบริโภค
- Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกที่ได้มาจากการสกัดจากผลมะกอกสดๆ คุณภาพรองลงมาจาก Extra Virgin Olive Oil ใช้สำหรับบริโภค
- Lampante virgin Olive oil เป็นน้ำมันมะกอกที่ไม่ได้ใช้บริโภค แต่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ
การจำแนกประเภทของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ใช้การประเมิณคุณภาพทางประสาทสัมผัส (Sensory evaluation) ในการทดสอบ เป็นการประเมิณทดสอบที่ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมเช่นเดียวกันกับผู้ที่ประเมิณคุณภาพของไวน์ ซึ่งการประเมิณคุณภาพโดยใช้ประสาทสัมผัสเป็นการประเมิณที่ใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบประเมิณนานและมีราคาแพง บทความนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มีการนำเทคนิคการวิเคราะห์โปรไฟล์สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) มาช่วยในการจำแนกความแตกต่างของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ประเภทต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการวิเคราะห์
รูปที่ 1 ระบบการทำงานของเครื่อง GC-IMS
เทคนิคการวิเคราะห์โปรไฟล์สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ใช้เทคนิค Gas Chromatography-Ion Mobility Spectrometry (GC-IMS) ซึ่งจะให้ผลการวิเคราะห์เป็น Digital Complex fingerprint เฉพาะเจาะจงกับประเภทของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ทำให้การจำแนกประเภทของน้ำมันมะกอกทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว
รูปที่ 2 โครมาโทแกรมแสดงสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่ใช้เป็นสารบ่งชี้คุณภาพของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
จากตัวอย่างน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ทั้งหมด 198 ตัวอย่าง แบ่งเป็น Extra Virgin Olive Oil, EVOO จำนวน 83 ตัวอย่าง Virgin Olive Oil, VOO จำนวน 69 ตัวอย่างและ Lampante virgin Olive oil, LOO 46 ตัวอย่าง นำมาวิเคราะห์ด้วยเครื่อง GC-IMS รุ่น FlavourSpec® พบว่ามีสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่สามารถนำมาใช้ในเป็นข้อบ่งชี้ (Marker) ในการประเมิณคุณภาพทั้งหมด 15 สารดังแสดงในรูปที่โครมาโทแกรม ซึ่งสารทั้ง 15 สารนี้เป็นสารที่มีทั้งให้ผลบวกและให้ผลลบในการการประเมิณด้วยประสาทสัมผัส ซึ่งเมื่อนำผลการวิเคราะห์ที่มีความแปรปรวนของชนิดหรือความเข้มข้นของสารที่พบในน้ำมันมะกอกแต่ละประเภทมาวิเคราะห์จำแนกกลุ่มด้วยการถดถอยกำลังสองน้อยที่สุด (Partial least square-discriminant analysis; PLS-DA) จะทำให้สามารถจำแนกประเภทของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ได้ ตัวอย่างเช่นการเปรียบเทียบระหว่าง EVOO กับ no-EVOO ดังแสดงในรูปที่ 3
รูปที่ 3 แสดงการทำนายตัวแปร Y จากสมการการจำแนกน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ประเภท
EVOO และ no-EVOO ด้วยการถดถอยน้อยที่สุด (PLA-DA)
รูปที่ 4 เปรียบเทียบความเข้มข้นของสารที่พบในน้ำมันมะกอกประเภทต่างๆ
ตารางที่ 1 แสดงช่วงความเข้มข้นของสารที่สามารถวิเคราะห์ได้และความสามารถในการวิเคราะห์ซ้ำ
จากผลการวิเคราะห์เพื่อจำแนกประเภทของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ด้วยเทคนิค GC-IMS แสดงให้เห็นว่าสามารถนำเทคนิคนี้มาประยุกต์ใช้ได้โดยใช้การวิเคราะห์จำแนกกลุ่มด้วยการถดถอยกำลังสองน้อยที่สุด (Partial least square-discriminant analysis; PLS-DA) ซึ่งสามารถจำแนกประเภทของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ได้อีกทั้งยังสามารถรายงานปริมาณวิเคราะห์ของสารที่เป็นสารบ่งชี้(Marker) ได้อีกด้วย และวิธีการวิเคราะห์นี้ยังใช้เวลาในการวิเคราะห์สั้นทำให้เกิดความรวดเร็วในการประกันคุณภาพเป็นผลดีในเชิงธุรกิจอีกด้วย
สนใจผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมคลิก
https://www.scispec.co.th/GCIMS.html