วันนี้เริ่มต้นขอเอาใจหนุ่มๆ ด้วย 3 ธัญพืชที่ดีกับร่างกายของผู้ชายเป็นพิเศษค่ะ เนื่องจากผู้ชายกับผู้หญิงมีร่างกายที่แตกต่างกัน จึงมีปัญหาสุขภาพและความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ไม่เหมือนกัน เรามาดูกันค่ะ ว่ามีธัญพืชอะไรบ้างที่บรรดาผู้ชายควรรับประทาน
งาดำ : เพิ่มพลังความเข้ม
งาดำนั้นคือขุมพลังแห่งแร่ธาตุชั้นดีค่ะ มีประโยชน์ต่อทุกเพศทุกวัย แต่สำหรับบรรดาแมนๆ งาดำให้สังกะสี (Zn) ในปริมาณมาก ดีต่อการสร้างฮอร์โมนเพศชายค่ะ ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้ นอกจากนี้ยังสัมพันธ์โดยตรงต่อความแมนด้วยค่ะ เช่น ให้ร่างกายที่กำยำ มวลกล้ามเนื้อที่มากขึ้น ผมที่ขึ้นหนาไม่ร่วง แถมงาดำเองยังมีสารพิเศษทำงานคล้ายเมลานินช่วยให้เส้นผมดกดำ ไม่หงอกเร็ว ตอบโจทย์ผู้ชายได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
ลูกเดือย : เพิ่มความล่ำ
ลูกเดือยมีธาตุแมกนีเซียม (Mg) ที่ช่วยเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อให้มีประสิทธิภาพค่ะ เมื่อแมกนีเซียมทำงานร่วมกับโปรตีนที่มีอยู่มากในลูกเดือยการสร้างกล้ามเนื้อจะยิ่งสมบูรณ์ขึ้น และยังมีคุณสมบัติพิเศษช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายรวมทั้งฮอร์โมนเพศด้วยนะคะ
ข้าวโอ๊ต : แข็งแกร่งจากภายนอกสู่ภายใน
ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชที่มีดีเรื่องการควบคุมน้ำหนักค่ะ เพราะมีใยอาหารอย่างเบต้ากลูแคนที่ให้พลังงาน ทานแล้วอิ่มท้อง เหมาะกับหนุ่มๆที่กำลังลดน้ำหนักหรือชอบออกกำลังกาย แล้วเจ้าเบต้ากลูแคนเองก็มีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าหนุ่มๆจะตากแดดตากลมยังไงก็ไม่ป่วยง่ายแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม (Ca) ที่ช่วยสร้างมวลกระดูก ซึ่งผู้ชายควรบริโภคให้เพียงพอ เพราะการดื่มเหล้าสูบบุหรี่จะทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมได้เร็วค่ะ
จะเห็นว่าทั้งงา ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต หรือเมล็ดธัญพืชต่างๆ มีประโยชน์มากเลยใช่มั้ยค่ะ แต่นอกจากสารอาหารที่ให้พลังงานชั้นดีแล้ว ยังมีสารพิษเจือปนหรือตกค้างอยู่ด้วยค่ะ สารพิษเหล่านี้มาจากไหน แล้วคืออะไร??
สารหนู แคดเมียม ตะกั่ว และ ปรอท คือโลหะเป็นพิษ (Heavy metal) ที่มาจากแหล่งที่ปลูกธัญพืชนั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำหรือดินที่ใช้ในการเพาะปลูก ดังนั้นการเลือกธัญพืชจากแหล่งที่มีการตรวจสอบ มีความน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีข้อกำหนดมาตรฐานของโลหะหนักเป็นพิษเหล่านี้แตกต่างกันไปค่ะ
โดยเทคนิคที่นิยมใช้ในการหาปริมาณของโลหะมีพิษ (Heavy metal) เหล่านี้พร้อมกับการหาปริมาณของแร่ธาตุต่างๆ (Nutritional elements) ที่มีประโยชน์ได้ในคราวเดียวกัน คือ เทคนิคที่เรียกว่า ICP-OES ค่ะ โดยอาศัยพลังงานความร้อนจากพลาสมา ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 10,000 องศาเซลเซียส ทำให้อะตอมของธาตุที่เราสนใจถูกกระตุ้นและคายพลังงานแสง (emission) ออกมา ซึ่งในแต่ละธาตุก็มีจะมีความยาวคลื่นของพลังงานแสงที่คายออกมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป และมีความเข้มของแสงที่เป็นสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณของธาตุนั้นๆในตัวอย่าง จึงทำให้เราสามารถหาปริมาณของธาตุที่เราสนใจได้พร้อมๆกัน แม้จะมีในปริมาณที่น้อยค่ะ
ถ้าผู้อ่านสนใจศึกษาการทดสอบหาปริมาณโลหะเป็นพิษในธัญพิชด้วยเทคนิค ICP-OES เพิ่มเติม สามารถคลิกได้ที่ link ด้านล่างค่ะ รอเจอกันในบทความหน้านะคะ วันนี้แอดมินขอตัวไปหาธัญพืชอร่อยๆทานก่อนค่ะ
Ref. https://tools.thermofisher.com/content/sfs/brochures/AN-43346-ICP-OES-iCAP-Cereal-AN43346-EN.pdf