พลาสติก (Plastic) เป็นวัสดุที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นจากสารประกอบอินทรีย์ มีน้ำหนักโมเลกุลสูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม สามารถหลอมขึ้นรูปเป็นของแข็งรูปทรงต่างๆ ได้ง่าย เพื่อนำมาใช้งานหลากหลายรูปแบบ เช่น ภาชนะ บรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น การนำพลาสติกมาใช้งานด้านต่างๆ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทั้งก่อนและหลังขึ้นรูปเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
สารระเหย หรือ สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ที่ถูกปลดปล่อยจากพลาสติก เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องตรวจวิเคราะห์ก่อนที่จะนำพลาสติกมาใช้งานเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การนำพลาสติกมาใช้งานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริโภค สาร VOCs ที่ถูกปลดปล่อยจากพลาสติก อาจจะส่งผลต่อคุณภาพของสินค้านั้นๆ หรือการนำพลาสติก มาผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ภายในห้องโดยสาร ถ้าหากมีปริมาณสาร VOCs จากพลาสติกมากเกินมาตรฐานก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพของผู้ขับขี่เช่นเดียวกัน
วิธีการวิเคราะห์สารระเหย ที่ถูกปลดปล่อยจากพลาสติกโดยมากแล้วจะใช้เทคนิคโครมาโตกราฟี ร่วมกับการเตรียมตัวอย่างชนิด Headspace หรือ Thermal Desorption ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่ในการวิเคราะห์สาร VOCs ผสมจำนวนมากๆ อาจจะต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์นานมากขึ้นเนื่องจากจะต้องใช้คอลัมน์ที่มีขนาดยาวมากกว่าปกติ เพื่อให้เกิดการแยกได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาวิธีวิเคราะห์ โดยใช้เทคนิคแก๊สโครมาโตกราฟีสองมิติ (GCxGC) ซึ่งเป็นการแยกสารโดยการใช้คอลัมน์สองชนิดที่มีขั้วต่างกัน ทำให้เกิดการแยกสารระเหยผสมได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ช่วยลดระยะเวลาในการวิเคราะห์เมื่อเทียบกับเทคนิค GC
สำหรับวิธี GCxGC จะต้องการการแบ่งสารจากคอลัมน์ที่หนึ่งบางส่วน ส่งเข้าสู่คอลัมน์ที่สองผ่านโมดูเลเตอร์ (Modulator)ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา และเมื่อแยกสารผสมเรียบร้อยแล้วก็จะถูกตรวจวัดและนำมาประมวลผลต่อไป
ผลการวิเคราะห์สาร VOCs ในตัวอย่างพลาสติกด้วยเทคนิค GCxGC-MS พบว่าสามารถแยกและวิเคราะห์สาร VOCs ที่มีความซับซ้อนได้แม้ว่าจะมีสัญญาณรบกวนจากสารอื่น และสามารถใช้ผลการวิเคราะห์ที่ได้นำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล NIST Library เพื่อทำนายชนิดของสารได้ เหมาะกับการนำไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ทดสอบเพื่อควบคุมคุณภาพการผลิตหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์
อ่านบทความเพิ่มเติม : https://www.scispec.co.th/app/2021TH/AN21_GCxGC_Plastics.pdf